2022-06-18

สาวแม่ลูกอ่อน รีวิวยาสีฟันโดนฟ้อง 1.7 ล้าน โอดรีวิวตามจริง ตัวเองใช้แล้วแพ้

By Abdul

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพตนเองอุ้มลูกน้อยพร้อมโชว์หมายศาล ขอความช่วยเหลือจากโซเชียล โดยมีข้อความว่า

“จะทำไงดี เราเป็นลูกค้าที่โดนเจ้าของยาสีฟัน…ฟ้อง

ครอบครัวเราใช้ยาสีฟันยี่ห้อนี้ทั้งบ้าน ครอบครัวเราเป็นลูกค้าเขามาตั้งนาน เราได้รีวิวตามจริงที่เคยใช้ ใช้แล้วดีก็บอกว่าดี ก็ยังบอกอยู่ว่าคนที่บ้านใช้แล้วชอบ ฟันขาวดี แต่ตัวเราเองที่ใช้แล้วแพ้ ก็รีวิวตามจริงที่บ้านเราใช้กัน แต่อยู่ๆเจ้าของแบรนด์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายเรา 1,700,000 บาท

เราเป็นลูกค้า มาฟ้องเราทำไม เราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเขาเลย เราไม่ได้ด่า ไม่ได้ดิสเครดิตเขาเลย ยังรีวิวบอกอยู่เลยว่าใช้ดีนะ ฟันขาวดี ที่บ้านเราชอบเป็นลูกค้าเขาแท้ๆ รีวิวตามจริงในฐานะผู้บริโภค ทำไมถึงมาฟ้องเราแบบนี้ ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก จะเอาเงินที่ไหนไปให้เขาตั้ง 1,700,000 เราไม่มีรายได้อะไรเลย เพิ่งคลอดลูกด้วย แฟนทำงานอยู่คนเดียว จะกินจะใช้ยังลำบากเลยตอนนี้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปให้เขา เราจะทำยังไงดีทุกคน เป็นลูกค้าเขาแท้ๆ ทำไมถึงมาฟ้องเราแบบนี้ใครก็ได้ช่วยเราที”

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 17 มิ.ย.65 น.ส.ปรียดา อายุ 24 ปี เดินทางเข้าปรึกษาข้อกฏหมายกับ ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง พร้อมเอกสารเป็นหมายศาลอาญารัชดา หมายเลขที่ อ.165/2565 ลงวันที่ 28 ม.ค. 65 จำนวนทุนทรัพย์ 700,000 บาท และหมายศาลเลขที่ อ.244/2565 ลงวันที่ 4 ก.พ.65 จำนวนทุนทรัพย์ 1,050,000 บาท โดยทั้งสองหมายมี น.ส.ปรียดา อายุ 24 ปี และพวกอีก 3 คน ในข้อหา ดูหมิ่น, หมิ่นประมาท, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

น.ส.ปรียดา เปิดเผยว่า ครอบครัวตนเริ่มซื้อยาสีฟันยี่ห้อดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่เดือน พ.ค. 65 โดยตน สามี และยาย ใช้เหมือนกัน มีตนคนเดียวที่ใช้ไปได้ 2-3 วัน โดยหลังตื่นนอนตอนเช้าในปากจะมีคราบสีขาว จากนั้นเกิดอาการแพ้ที่บริเวณคาง ใต้ริมฝีปากล่างมีรอยแดง แสบ จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ตนจึงไปปรึกษาหมอฟันเนื่องจากตนท้องได้ประมาณ 3 เดือน ทางหมอฟันจึงให้เปลี่ยนวิธีแปรงเป็นแบบแห้ง เพื่อให้ฟองน้อยลง แต่ก็ยังแพ้เหมือนเดิม ตนจึงได้หายาสีฟันยี่ห้ออื่นมาใช้ ซึ่งก็ไม่แพ้จึงได้นำยาสีฟันทั้ง 2 ยี่ห้อมารีวิวในกลุ่มผู้ที่ใช้สกินแคร์ บอกข้อดีข้อเสียของทั้ง 2 ยี่ห้อ และรีวิวในฐานะคนที่ใช้จริง อาการแพ้ดังกล่าวหลังจากหยุดใช้ยาสีฟันก็หายโดยไม่ต้องไปหาหมอ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ตนเป็นคนแพ้ง่าย

น.ส.ปรียดา กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 11 กรกฎาคม 65 ได้มีหมายส่งไปที่บ้านคุณย่าที่ต่างจังหวัด ทำให้คนในครอบครัวตกใจ และเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัว คุณย่าซึ่งเป็นคนแก่ไม่เข้าใจ คิดว่าตนอายุเพียงเท่านี้มีหมายศาลส่งไปถึงบ้าน คิดว่าตนต้องทำเรื่องไม่ดี คุณย่าได้ย้ายตนออกจากทะเบียนบ้านโดยไม่ได้แจ้งตน ตอนนี้ครอบครัวตนเดือดร้อนจากคดีที่เกิดขึ้น ทั้งที่ครอบครัวตนเป็นลูกค้าบริษัทนี้มานานเกือบ 2 ปี ไว้ใจใช้ยาสีฟันเขามาตลอด แต่ลูกค้ากลับต้องมาถูกบริษัทฟ้อง หลังจากรู้ว่าทางบริษัทจะฟ้อง ตนก็ได้แชทไปถามว่าจะฟ้องตนเรื่องอะไร เพราะตนเป็นลูกค้า ใช้จริง ไม่ได้ไปท้าทายทางบริษัท

น.ส.ปรียดา ฝากเตือนคนที่จะรีวิวสินค้าต่างๆที่ใช้ ให้ดูเคสของตนเป็นตัวอย่าง อย่าเอาสินค้า 2 อย่างมาเปรียบเทียบกัน ถึงคนที่รีวิวจะเป็นลูกค้า ใช้จริง เป็นผู้บริโภคก็อาจถูกฟ้องได้ หลังจากนี้ตนก็จะสู้เต็มที่เพราะตนบริสุทธิ์ใจ

ด้านทนายรัชพล ศิริสาคร กล่าวว่า ตามข้อกฏกมายการที่รีวิวโดยสุจริต ใช้แล้วเกิดความเสียหาย ตามกฏหมายไม่ได้ผิดในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ทางบริษัทเขาก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องดำเนินคดี เรื่องนี้อยากให้ทางบริษัทได้พูดคุยกับทางลูกค้าก่อน ให้เห็นใจลูกค้าที่ซื้อมาใช้จริง มันก็ต้องมีทั้งติและชม อย่างเช่นครอบครัวเขาใช้ดีเขาก็บอกว่าดี ส่วนตัวเขาใช้แล้วแพ้เขาก็พูดไปตามจริง ทางบริษัทน่าจะทบทวนเรื่องการฟ้องลูกค้าของเขา อยากให้เขาได้พูดคุยกับลูกค้า เพราะนอกจากน้องยังมีลูกอีก 3 คนที่โดนฟ้องร่วมด้วย

เรื่องการติชมของลูกค้าทางบริษัทน่าจะนำไปเป็นข้อแก้ไข ไม่ใช่มาไล่ฟ้องผู้บริโภคแบบนี้ เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการรีวิว จากกรณีนี้ต้องขอตรวจสอบเอกสารทั้งหมดและจะเข้าพูดคุยกับทางบริษัทอีกครั้ง แต่ถ้าคุยไม่ได้ก็ต้องให้ผ่านขบวนการตามขั้นตอนของศาลพิจารณาต่อไป