2021-07-09

สาวตรวจโควิดเป็นลบ บินกลับไปหาแม่ป่วยมะเร็ง เจอกักตัวคนเดียว 14 วันในค่ายกลางป่า

By Abdul

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Avada Teeraponkoon ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งได้บินกลับมาจากประเทศอิตาลีเพื่อมาดูแลแม่ที่ป่วยมะเร็งเมื่อราว 2 เดือนก่อน และกำลังจะบินกลับอิตาลี ซึ่งก่อนกลับได้ตรวจโควิดตามกฎการเดินทางเข้าอิตาลีเรียบร้อย เตรียมบินกลับ แต่ทางบ้านแจ้งว่าอาการแม่ทรุดหนัก จึงตัดสินใจทิ้งตั๋วอิตาลีแล้วบินกลับบ้านที่อุดรธานี แต่เมื่อไปถึงอุดรธานีก็ต้องกักตัวอีก 14 วัน เนื่องจากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งที่แย่ที่สุดคือ การโดนให้ไปกักตัวที่ค่ายลูกเสือกลางป่าแห่งหนึ่งเพียงลำพัง โดยผู้โพสต์ได้ระบุว่า…

“ขออนุญาต พี่นิสาแล้ว สำหรับโพสต์นี้ ตั้งใจจะแชร์ แต่ระหว่างคุยเพื่อสอบถาม ความเป็นมาว่าทำไมเจอกักตัวในสถานที่เช่นนี้ และขอให้พี่นิสา เปลี่ยนตั้งค่าสาธารณะ พี่เค้าเกิดอาการเครียดลงกระเพาะ จะอาเจียน คุยต่อไม่ไหว จริงๆ คืนนี้พี่นิสามีกำหนดเดินทาง กลับอิตาลี ตามกฎจะต้องตรวจเชื้อโควิด ก่อนเข้าอิตาลีภายใน 48 ชั่วโมง ผลต้องเป็นลบ พี่นิสาทำตามกฎ เพื่อเดินทางทุกอย่าง จนกระทั่ง…สายจากทางบ้านโทรแจ้งว่า คุณแม่อาการทรุดหนัก รอนับถอยหลัง จากอาการมะเร็งระยะสุดท้าย 

“พี่นิสา มาไทยด้วยเหตุผลมาดูแลแม่ มาถึงไทยเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อน เมื่อถึงไทย เข้ารับกักตัวครบ 14 วัน ระหว่างนั้นตรวจโควิด 3 รอบ จนแน่ใจว่าไม่มีเชื้อจึงกลับสู่ครอบครัวทำหน้าที่ลูก จนแม่เริ่มอาการดีขึ้น จากนั้น พี่นิสา เห็นว่าแม่ดีขึ้นจึงจะกลับอิตาลี มาทำหน้าที่ให้กับครอบครัวทางนี้ แต่ก็ต้องชะงักไว้ก่อน

“พี่นิสา เปลี่ยนตั๋วและบินกลับอุดรทันที เมื่อถึงสนามบินอุดร เธอถูกคัดกรอง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคในพื้นที่ทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบว่ามาจากกรุงเทพฯ เธอถูกนำตัวไปเข้ารับการกักตัวที่ค่ายลูกเสือแห่งหนึ่ง สภาพที่นอนตามภาพ มีน้ำ พัดลม เพื่ออำนวยความสะดวก แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะดื่มน้ำ เพราะกลัวจะต้องปัสสาวะ ซึ่งห้องน้ำนั้น อยู่ไกลออกไป และเปลี่ยว ที่สำคัญ ในป่านี้เธออยู่คนเดียว!!!! เธอกลัว ไม่กล้าแม้จะข่มตานอน เธอเครียด จนเกิดอาการกระเพาะกำเริบ เหลียวหาใครก็ไม่มีที่จะช่วยเธอได้

“เราสอบถามว่าทำไมไม่นอนโรงแรม พี่นิสาบอกว่าทั้งจังหวัดอุดรฯ มีโรงแรมเดียวที่เข้าร่วมโครงการกักตัว และเต็มแน่นไม่มีที่ว่างสำหรับเธอ พี่นิสายินดีจ่ายเงินซื้อความสะดวกสบาย แต่ไม่มีที่ว่างใดๆให้เธออีก นอกจากค่ายลูกเสือกลางป่าเปลี่ยวแบบนี้ เธอร้องขออีกครั้งจากเจ้าหน้าที่ ว่าขอไปบ้าน ที่บ้านเธอมีพื้นที่ให้กักตัวแยกจากครอบครัว และเธอห่วงแม่ที่อาการทรุดหนักเต็มที อย่างน้อย แค่ได้อยู่ใกล้แม่อีกนิด แม้จะเข้าหาเข้าใกล้ไม่ได้เธอยินดีทุกประการ

“แต่กฎก็คือกฎ!!!! เข้มแข็งและจริงจัง ไม่มีทางออกใดให้เธอ นอกจาก อดทนนอนในป่านี้ไปอีก 14 วัน ขอให้เธอปลอดภัย!! ผู้หญิงคนเดียวกลางป่า น้ำเสียงเธอ จะร้องไห้ตลอดเวลา มีใคร หาทางออกที่ดีที่สุด ให้กับเธอได้ในสถานการณ์แบบนี้บ้างคะ ขอให้ผ่านคืนนี้ไปโดยราบรื่นนะคะพี่นิสา

“สำหรับคนไทยที่กลับจากประเทศไทยเข้าอิตาลี ทุกคนเมื่อลงสนามบินต้องมีรถส่วนตัวมารับ มุ่งสู่บ้านและทำการกักตัวเอง 14 วัน รับผิดชอบตัวเอง โดยจะมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาหาสอบถามเป็นระยะ ไม่ได้มีสถานกักกันตัวแยกแปลกออกไป

#หมายเหตุ ข้อมูลนี้จากประสบการณ์คนไทยเท่านั้น ไม่หมายรวมประเทศอื่นๆนะคะ”