สหราชอาณาจักรยกเลิกการห้ามพัฒนาพลังงานลมบกโดยพฤตินัย
รัฐบาลอนุรักษนิยมของสหราชอาณาจักรได้ผ่อนปรนกฎระเบียบการวางแผนเมื่อวันอังคาร และยกเลิกข้อ จํากัดที่มีผลเป็นการห้ามการสร้างกังหันลมบกใหม่ในประเทศอังกฤษ
กฎที่นํามาใช้ในปี 2015 โดยนายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมรอน ผู้นํารัฐบาลอนุรักษนิยมในขณะนั้น อนุญาตให้มีการคัดค้านเพียงครั้งเดียวต่อการยื่นขออนุญาตสร้างกังหันลม ซึ่งทําให้การพัฒนากังหันลมใหม่ลดลงอย่างมาก
สมาชิกรัฐสภาบางคนกดดันให้รัฐบาลปัจจุบันยกเลิกกฎดังกล่าว ส.ส. อโลก ชาร์มา ผู้เคยดํารงตําแหน่งประธานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี 2021 และนําการรณรงค์เรียกร้อง เรียกกฎเหล่านี้ว่า “ล้าสมัย” และ “ไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดสําหรับระบบการวางแผน”
เจ้าหน้าที่ระบุเมื่อวันอังคารว่า การผ่อนปรนข้อจํากัดทําให้โครงการกังหันลมบกที่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนท้องถิ่นจะได้รับอนุมัติเร็วขึ้น โดยผู้นําท้องถิ่นที่ได้รับเลือกตั้งจะมีความสามารถในการตัดสินใจสุดท้ายตามมุมมองที่เป็นที่ยอมรับของชุมชน ไม่ใช่เพียงจํานวนผู้คัดค้านน้อยราย
ชุมชนที่สนับสนุนกังหันลมในพื้นที่ของตนจะได้รับประโยชน์จากพลังงานไฟฟ้าราคาถูกลงด้วย เจ้าหน้าที่ระบุ โดยวิธีการที่ส่วนลดพลังงานเหล่านี้ทํางานจะถูกพิจารณาในภายหลัง
กลุ่มสิ่งแวดล้อมระบุเมื่อวันอังคารว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที เป็นการปรับเปลี่ยนอย่างระมัดระวังเกินไป และยังมีอุปสรรคมากเกินไปต่อการสร้างกังหันลมในประเทศอังกฤษ กรีนพีซเรียกการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ว่า “การปรับเปลี่ยนอย่างอ่อนแอ” และ “เพียงลมปากจากรัฐบาล”
อเลเธีย วอร์ริงตัน นักรณรงค์อาวุโสด้านภูมิอากาศขององค์กร Possible กล่าวว่า “วันนี้เป็นก้าวเล็ก ๆ ข้างหน้าสําหรับกังหันลมบกในประเทศอังกฤษ แต่กังหันลมบกยังคงเผชิญอุปสรรคการวางแผนสูงกว่าสิ่งอื่นใด รวมถึงเหมืองถ่านหินใหม่ และจะยังคงยากเกินไปสําหรับชุมชนที่ต้องการกังหันลมในการได้มาซึ่งมัน”
พลังงานทดแทนคิดเป็น 42% ของการผลิตไฟฟ้าของสหราชอาณาจักรในปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มาจากกังหันลมนอกชายฝั่ง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการผลิตพลังงานลมบกจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้สหราชอาณาจักรบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้มีเป้าหมายที่จะลดก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 ลง 68% จนในที่สุดจะบรรลุสถานะสุทธิเป็นศูนย์ หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าที่สามารถดูดซับกลับคืนมาได้อีกผ่านทางธรรมชาติหรือเทคโนโลยี ภายในปี 2050