เกือบหนึ่งในสี่ของ Gen Z ลงทุนใน Dogecoin
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีที่เกี่ยวกับมีมในตลาดคริปโตมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากความนิยมของ Dogecoin โดยข้อมูลจาก CryptoSlate แสดงให้เห็นว่าเหรียญมีมมีส่วนแบ่งในมูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรซีถึง 3.43% และมีมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ในขณะที่เขียนข่าวอยู่นี้
การสำรวจความคิดเห็นโดยแอปพนัน Gamblers Pick พบว่านักลงทุนหน้าใหม่เกือบ 1 ใน 4 คน กำลังลงทุนในเหรียญมีมอย่าง Dogecoin
แบบสำรวจได้สำรวจความคิดเห็นของคนจำนวน 872 คน เกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนของพวกเขา โดย 24% ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นคนวัย Gen Z (เกิดระหว่างปลายปี 1990 ถึงต้นปี 2010), 27% เป็นคนรุ่นมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1980-1995), 25% เป็น Gen X (เกิดกลางปี 1960 ถึงต้นยุค 80) และ 24% เป็นคนรุ่น Baby Boomers หรือแก่กว่านั้นขึ้นไป (เกิดหลังสงครามโลกและปี 1960)
โดยรวมแล้ว 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่ามีการลงทุนบ่อยครั้ง และกล่าวว่าเป็นที่นิยมในหมู่พวกเขา มีเพียง 12% เท่านั้นที่ไม่ได้ทำการลงทุน โดย 28% ของผู้ตอบแบบสอบถาม Gen Z กล่าวว่าพวกเขาได้ทำการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
55% ของผู้ตอบแบบสอบถาม Gen Z มีการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่ 46% มีการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และมี 23% ที่ลงทุนอย่างจริงจังในเหรียญมีม อย่าง Dogecoin (DOGE) และ Shiba Inu (SHIB) ขณะที่ส่วนน้อยของผู้ตอบแบบสอบถามรุ่น Baby Boomers จำนวน 7% เท่านั้นที่ลงทุนในเหรียญมีมเหล่านี้
การสำรวจยังพบว่าพฤติกรรมการลงทุนของคน Gen Z ได้รับอิทธิพลมาจากสื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Reddit, Twitter และอื่น ๆ ขณะที่คนรุ่นเก่าได้รับอิทธิพลมาจากนิตยสาร, หนังสือพิมพ์ และวิทยุโทรทัศน์
นอกจากนี้แบบสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าคนในรุ่น Gen Z มีโอกาสที่จะลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมน้อยลง และมีแนวโน้มที่จะลงทุนในสินทรัพย์อย่าง คริปโตเคอร์เรนซี, เหรียญมีม และสกุลเงินมากยิ่งขึ้น
ขณะที่สัดส่วนการลงทุนใน NFT มีจำนวนน้อยที่สุดเพียง 5% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดเท่านั้น โดยมีเพียง 9% ของคน Gen Z, 7% ของคนมิลเลนเนียล, 2% ของคน Gen X และ 3% ของคนรุ่น Baby Boomers ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภท NFT
ความสนใจที่ต่ำในภาคตลาด NFT สอดคล้องกับข้อมูลการขายล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่าราคาการซื้อขายและผู้ซื้อโดยรวมในสินทรัพย์ประเภท NFT ในจำนวนลดลง และสิ่งนี้อาจบ่งบอกว่ากระแสความคลั่งไคล้ของสินทรัพย์ประเภท NFT ในปี 2020 ที่ผ่านมาอาจเป็นเพียงแฟชั่นหรือความนิยมชั่วขณะเท่านั้น
และแบบสำรวจพบว่าเหตุผลในการลงทุนของคน Gen Z และคนรุ่นมิลเลนเนียลนั้น ลงทุนเพื่ออนาคต 48% และเพื่อหาเงินให้ได้พอประมาณ 49% อย่างไรก็ตามมีบางส่วนที่ลงทุนเพื่อเล่นเกมในระบบการเงินนี้ 28% และเพื่อต่อต้านนักลงทุนสถาบัน 22% พร้อมกับบางส่วนระบุว่าเป็นการพนัน (14%)