2021-03-28

กระทรวงการค้าของประเทศอินโดนีเซียวางแผนเปิดเว็บเทรด Bitcoin เป็นของตัวเอง

By Natcha

เมื่อเร็ว ๆ นี้อินโดนีเซียได้เดินตามรอยเพื่อนบ้านและพันธมิตรทางธุรกิจที่ใกล้ชิดอย่างสิงคโปร์ในการสำรวจการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล โดยรายงานการสำรวจสำมะโนประชากรของ World Bank นั้นเผยว่าอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลกในด้านการทำธุรกรรมระหว่างประเทศโดยแรงงานต่างด้าวชาวอินโดนีเซียที่ทำงานอยู่นอกประเทศตัวเอง โดยมีการส่งเงินกลับจากผู้ที่ทำงานในต่างประเทศประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย Jerry Sambuaga ได้ออกมากล่าวเน้นย้ำถึงสาเหตุที่รัฐบาลนั้นกำลังให้ความสนใจอย่างมากในวงการ Cryptocurrency และสกุลเงินดิจิทัล โดยนาย Sambuaga เผยว่าทางรัฐบาลนั้นมีแผนการที่จะเปิดตัวเว็บกระดานเทรดเหรียญคริปโตที่เป็นของทางกระทรวงการค้าเองอีกด้วย

“ในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าหรืออาจจะเป็นเดือนหน้าจะมีการเปิดตัวเว็บกระดานที่ควบคุมและรองรับการซื้อขายเจ้าเหรียญคริปโตเหล่านี้โดยเฉพาะ”

เขากล่าวว่าแนวคิดริเริ่มนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลด้วยการกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในวงการคริปโตที่กำลังเฟื่องฟูในประเทศเสียเอง ในความเป็นจริงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้ายังอ้างถึงปริมาณการซื้อขายของปีที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 64 ล้านล้านรูเปียห์อินโดนีเซียหรือ 4.44 พันล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการพิจารณาแผนการของเขาอีกด้วย ทว่า ณ เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ ตัวเลขโวลุมการซื้อขายนั้นได้เพิ่มขึ้นกลายเป็น 70 ล้านล้านรูเปียห์ไปแล้ว

นาย Sambuaga ยังได้กล่าวเสริมว่า

“นี่หมายความว่ามันแสดงให้เห็นทิศทางในอนาคตว่าสินทรัพย์ดิจิทัล [และ] สินค้าดิจิทัลอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งหรืออาจเป็นเสาหลักในการเพิ่มการค้าของเราก็ได้”

ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียออกกฎหมายการซื้อขายเหรียญคริปโตสำหรับประชาชนเดือนกันยายนเมื่อปี 2018 โดยสมาคมบล็อกเชนของชาวอินโดนีเซียเผยในปี 2020 ว่ามีนักเทรดคริปโตที่มากกว่า 1.5 ล้านคนในประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 2,263% หากนับตั้งแต่ปี 2015 อีกทั้งยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่าพลเมือง 269 ล้านคนของอินโดนีเซียยังคงไม่มีบัญชีธนาคารใช้งาน

ข่าวดังกล่าวบ่งบอกว่าเทรนด์กระแสของโลกคริปโตนั้นกำลังแผ่ขยายปกคลุมทั่วโลกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากว่ามันได้กลายเป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนก็ให้การยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ของจริง กันอย่างจริงจังแล้ว